Suchergebnisse

The objectives of this research are for studying and analyzing factors that related the cooperation and controlling corruption by monks, public sectors and local administrative organizations in Phetchaburi province. It is a qualitative research to analyze applied contents from specific important informers such as monks, provincial government as well as local government tally 30 persons. The research was examined by meetings of professionals. The research results found that: Monks are spiritual leaders who have knowledge in both worldly and Dharma. They were well recognized from the Sangha, government officers and public sectors as they were related by religion to the community. Monks proposed an anti-corruption curriculum by using a community unit as a training center to train on righteous facts in both theory and practical methods. For an example; to give advices to the communities, societies and government sectors under the Dharma principles and laws that conform to the various necessities of communities. Civil sectors should be good citizen that are interested in the community's problems. They would be complied to the laws and local government regulations as such a local people sector that set up for fraud prevention and control committee which has been recognized by government sectors in order to work together to inspect activities of staff performances, i.e., contests, competitions, esteemed outstanding persons announcements etc. This committee will conform to the inspection of internal auditing system such as meetings, seminars, visits, campaigns, promotions and invitations activities in order to allow people enable to express their roles to participate with government officers to protect for the local benefits. 3. The local government must comply with laws, rules and regulations, good governance and good customs and traditions. They must refuse the patronage system and beside, to promote a visible merit system, apply knowledge dissemination on laws, set up projects to create fraud prevention and corruption control by a committee to develop, follow up and evaluate their work performances. The procurements and the local works must be openly shown up for public. Also, channels for community participation must be added to offer directions for solving corruption problems. The wrong doers must be disciplined to the law in order to create "Local Honesty, Transparency Government" ; การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ การเสริมสร้าง และวิเคราะห์ความร่วมมือและควบคุมการทุจริตโดยพระสงฆ์ ภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ วิเคราะห์เนื้อหาเชิงประยุกต์ จากผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่เลือกแบบเจาะจง คือ พระสงฆ์ ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น รวม 30 รูป/คน ใช้การประชุมผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบกระบวนการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า พระสงฆ์ เป็นที่เคารพเชิงผู้นำทางจิตวิญญาณ มีองค์ความรู้ทางโลกและทางธรรม การยอมรับจากคณะสงฆ์ เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชน ซึ่งมีความสัมพันธ์เชิงศาสนาร่วมกับชุมชน เสนอหลักสูตรต่อต้านทุจริต โดยอาศัยหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล เป็นศูนย์ดำเนินการทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เช่น ให้คำปรึกษาแก่ชุมชน สังคม และภาครัฐ ภายใต้พระธรรมวินัยและกฎหมาย ให้สอดคล้องกับความจำเป็นของชุมชนที่มีความหลากหลาย ภาคประชาชน ต้องเป็นพลเมืองดีที่สนใจปัญหาชุมชน ตามกฎหมายและระเบียบราชการท้องถิ่น เช่น คณะกรรมการป้องกันและควบคุมทุจริตภาคประชาชนท้องถิ่น ที่ยอมรับจากภาครัฐ ร่วมตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผ่านจัดกิจกรรม เช่น การประกวด แข่งขัน ประกาศยกย่องบุคคลดีเด่น และปฏิบัติตามระบบกลไกตรวจสอบภายใน เช่น กิจกรรมประชุม สัมมนา ออกตรวจเยี่ยม รณรงค์ ส่งเสริม และเชิญชวน ให้ประชาชนแสดงบทบาทร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ท้องถิ่น 3. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ธรรมาภิบาล และจารีตประเพณีอันดีต่อประชาชน ปฏิเสธระบบอุปถัมภ์ ส่งเสริมระบบคุณธรรมเชิงประจักษ์ เผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมาย จัดทำโครงการและดำเนินการสร้างระบบป้องกันและควบคุมทุจริต โดยคณะกรรมการพัฒนา ติดตาม และประเมินผล เปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างและผลงานท้องถิ่น เพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ หากประพฤติผิดต้องลงโทษตามกฎหาย เพื่อสร้าง ท้องถิ่นซื่อสัตย์ ภาครัฐโปร่งใส

The aim of this study is to present an administration model of Provincial Communicable Disease Committee and study key factors contributing to success in public health breakthrough by the committee. The data for this qualitative research was gathered from document review, group discussions, and in-depth interviews. Forty (40) people were selectively chosen for inclusion into the study. The data was gathered from March through May 2018 and the conclusion was obtained by an inductive method. The success was analyzed using a modern management concept (known as POLC – which consists of planning, organizing, leading and controlling). In planning component, the Provincial Health Office (PHO) was applauded for its good problem analysis, identification of serious issues with high possibility of success, cooperation with promising partners, and development of solid strategies. In organizing component, the Provincial Communicable Disease Committee was found to have effective partners in the local administration organizations which could effectively reach out to local communities in distinct aspects from public health organizations. In leading component, both provincial governor and all district chiefs had excellent leadership, performing under the two main administrative acts, i.e. the State Administration Act and the Local Administration Act. Finally, in controlling component, it was found that close supervision by the leadership of local administration organizations was a primary strength. This was achieved by frequent meetings of the Provincial Communicable Disease Committee, weekly progress monitoring by district chiefs, and close collaboration with their teams to find solutions, utilizing a complex problem-solving principle, to address vaccine denial issues, such as concerns about children illness after vaccination, vaccination being against religious beliefs, and ignorance about the benefits of vaccination. During the campaign implementation period, which was ran from May through September 2017, progress from each district was presented in monthly meetings of local administration organizations, with awards given to excellent district chiefs, district health coordinating networks and primary care centers. Main factor leading to this achievement was excellent planning by the Provincial Communicable Disease Committee, resulting in members of the senior leadership paying attention to the matter and relevant policies being developed and implemented to assist with the work process especially in a district level. The campaign successfully helped increase MMR1 vaccine coverage in 1-year-old children from 58.97 to 91.1 percent, and helped expand MMR2 vaccine coverage in 3-year-old children from 60.17 to 86.44 percent. Overall, the local incidence rate of measles was greatly reduced. The key elements contributing to this success could be adapted and replicated in other areas with similar problems. ; การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอรูปแบบการบริหารจัดการโรคติดต่อและศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการขับเคลื่อนงานโรคติดต่อ ผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กรณีรณรงค์วัคซีนหัด เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ รวบรวมข้อมูลจากการทบทวนเอกสาร การเสวนากลุ่ม การสัมภาษณ์เชิงลึก กลุ่มตัวอย่างสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 40 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้หลักการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2561 เมื่อวิเคราะห์โดยใช้หลักการบริหารจัดการแนวใหม่ (POLC) พบว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) มีจุดเด่นในเรื่องการวางแผน (planning) โดยวิเคราะห์นำเสนอปัญหาที่มีความรุนแรง แต่มีโอกาสแก้ไขสำเร็จสูง ค้นหาแนวร่วมที่มีศักยภาพมาช่วยเหลือ จัดทำกลยุทธ์ที่เหมาะสม คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด มีจุดเด่นเรื่องการจัดองค์การ (organizing) โดยเครือข่ายฝ่ายปกครองหยั่งรากลึกไปถึงอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ชุมชน ในอีกมิติที่แตกต่างกับหน่วยงานสาธารณสุข การนำ (leading) จุดเด่นคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ที่มีภาวะผู้นำ ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ การควบคุม (controlling) จุดเด่นคือ การควบคุมผ่านการประชุมกรมการจังหวัด นายอำเภอควบคุมด้วยการติดตามผลงานทุกสัปดาห์ และแก้ไขปัญหาร่วมกับเครือข่าย โดยใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน (complex problem solving) ในประเด็นการปฏิเสธวัคซีนในพื้นที่ เช่น ความกังวลเรื่องเด็กป่วยหลังได้รับวัคซีน เรื่องวัคซีนไม่ถูกหลักศาสนา การไม่เห็นความสำคัญของวัคซีน การควบคุมกำกับตลอดระยะเวลารณรงค์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2560 นำเสนอผลการดำเนินงานทุกเดือน ในที่ประชุมกรรมการจังหวัด สร้างแรงจูงใจด้วยการมอบโล่รางวัลให้นายอำเภอดีเด่น คปสอ. และ รพ.สต. ดีเด่น ปัจจัยความสำเร็จสำคัญคือ การวางแผนงานที่ดีของ สสจ. ทำให้ผู้บริหารเห็นความสำคัญและภาพความสำเร็จนำไปสู่การกำหนดเป็นนโยบาย ส่งผลให้ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนหัดในเด็กอายุครบ 1 ปี (MMR1) เพิ่มจากร้อยละ 58.97 เป็น 91.10 ผลการดำเนินงานวัคซีนหัดในเด็กอายุครบ 3 ปี (MMR1) เพิ่มจากร้อยละ 60.17 เป็น 86.44 อัตราป่วยโรคหัดลดลง ข้อเสนอแนะ ควรนำรูปแบบการบริหารจัดการในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการโรคติดต่อ ไปใช้ในพื้นที่ที่มีปัญหาคล้ายคลึงกัน